3.1 การกำหนดขอบเขต (Scoping) ที่ปรึกษาจะต้องดำเนินการ
1) ทบทวนและนำเสนอข้อมูลของนโยบายและแผนที่เกี่ยวข้องเพื่อวิเคราะห์ความสอดคล้อง ข้อจำกัด นำไปสู่การกำหนดเป้าหมาย วัตถุประสงค์ ขอบเขต และการดำเนินการที่เชื่อมโยงของแผนที่จะพัฒนากับนโยบายและแผนที่เกี่ยวข้องเพื่อให้การกำหนดวัตถุประสงค์การประเมินสิ่งแวดล้อมระดับยุทธศาสตร์สอดคล้องกับแผนและนโยบายที่เกี่ยวข้อง
2) ทบทวนข้อมูลพื้นฐาน ปัญหา และความกดดันด้านสิ่งแวดล้อมที่มีอยู่ปัจจุบันในพื้นที่และระบุประเด็นของผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นทั้งทางบวกและลบที่สำคัญที่ครอบคลุมทั้ง 3 มิติ ได้แก่ เศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม ที่นำไปสู่การกำหนดตัวชี้วัดที่เหมาะสม โดยให้ระบุรายการของประเด็นทั้งหมดที่ถูกนำมาประเมินการอธิบายถึง การได้มาซึ่งประเด็นที่สำคัญ การเชื่อมโยงประเด็นที่สำคัญกับการพัฒนาพื้นที่ยั่งยืน
3) นำเสนอแนวคิด วิธีการ และหลักเกณฑ์ในการพัฒนาและประเมินทางเลือกรวมทั้งมาตรการในการลดผลกระทบและการติดตามตรวจสอบและการประเมินผล
4) นำเสนอแนวคิดและวิธีการวิเคราะห์ผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย นำเสนอแผนและดำเนินการการปรึกษาสาธารณะ (Public Consultation) และแผนการสื่อสารในขั้นตอนต่าง ๆ ของการจัดทำการประเมินสิ่งแวดล้อมระดับยุทธศาสตร์
5) จัดทำเป็นรายการกำหนดของเขต (Scoping Report) ที่ได้มีการปรึกษาผู้มีส่วนได้ส่วนเสียจนได้เป็นที่ยอมรับของทุกภาคส่วน
3.2 การพัฒนาตัวชี้วัดและเกณฑ์สำหรับการศึกษา ได้มาจากการทบทวนงานศึกษาที่เกี่ยวข้องในต่างประเทศ และประเทศไทย จากความเห็นของผู้เชี่ยวชาญและจากการสานเสวนาผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย โดยแบ่งตัวชี้วัดออกเป็น 2 ประเภท ประกอบด้วย
1) ตัวชี้วัดสำหรับประเมินทางเลือกเชิงยุทธศาสตร์ ประกอบด้วย ตัวชี้วัดในมิติด้านเศรษฐกิจ สังคม สิ่งแวดล้อม และความเป็นไปได้ทางเทคโนโลยี
2) ตัวชี้วัดสำหรับการประเมินพื้นที่ที่เหมาะสม ประกอบด้วย ตัวชี้วัดในมิติกายภาพ เศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม
ซึ่งได้กำหนดแนวทาง/วิธีการประเมิน และเกณฑ์การประเมินสำหรับใช้ในการประเมินทางเลือกและประเมินพื้นที่ที่เหมาะสม รวมทั้งการกำหนดค่าน้ำหนักสำหรับตัวชี้วัดในมิติต่าง ๆ
3.3 การพัฒนาและประเมินทางเลือก (Alternative Development and Assessment) ที่ปรึกษาจะต้องดำเนินการ
1) พัฒนาทางเลือกการพัฒนาพลังงานในพื้นที่ภาคใต้ ทั้งในกรณีควรมีโรงไฟฟ้าถ่านหินหรือไม่ หากมีพื้นที่ใดบ้างที่มีความเหมาะสมในการจัดตั้ง และการพัฒนาพลังงานในพื้นที่ภาคใต้กรณีที่ไม่มีพื้นที่ที่มีความเหมาะสมในการจัดตั้งโรงไฟฟ้าถ่านหิน ทั้งนี้ ต้องมีการนำเสนอทางเลือกของการดำเนินการเช่นเดิม (Business as Usual Alternatives)
2) ประเมินผลกระทบจากทางเลือกให้ครอบคลุมทุกด้านทั้งผลกระทบทางเศรษฐกิจ สังคม สิ่งแวดล้อม และความเป็นไปได้ในทางเทคโนโลยีที่จะรองรับ
3) จัดลำดับการพึงพอใจทางเลือก
3.4 การบรรเทาผลกระทบ การตรวจสอบและการประเมิน ที่ปรึกษาจะต้องดำเนินการจัดทำเป็นแผนการบรรเทาผลกระทบ แผนการติดตามตรวจสอบและการประเมินผล
3.5 การมีส่วนร่วม การปรึกษา และการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นของภาคส่วนต่าง ๆ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอย่างเปิดเผย ทั่วถึง และต่อเนื่อง ที่ปรึกษาจะต้องดำเนินการ
1) การวิเคราะห์และกำหนดผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย
การศึกษานี้ได้กำหนดผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย ออกเป็น 3 กลุ่ม ได้แก่ กลุ่มที่ 1 ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียโดยตรง (Primary Stakeholders) กลุ่มที่ 2 ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียระดับรอง (Secondary Stakeholders) และกลุ่มที่ 3 ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียระดับบุคคลที่สาม (Third Party Stakeholders) และกำหนดจำนวนโควตาผู้มีส่วนได้ส่วนเสียโดยพิจารณาตามความครอบคลุม ความหลากหลาย และความยืดหยุ่น
2) ดำเนินการจัดการมีส่วนร่วม การปรึกษา และการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นอย่างเหมาะสมทั้งช่วงเวลา ระยะทาง ความครบถ้วน เพียงพอและถูกต้องของข้อมูลต่าง ๆ ในรูปแบบต่าง ๆ
3) ทำการสรุป และข้อคิดเห็น ข้อกังวล ข้อเสนอแนะในทุกขั้นตอนที่มีการดำเนินการ
3.6 บทสรุปและข้อเสนอแนะ เพื่อนำเสนอทางเลือกที่เหมาะสมและแนวทางการบริหารจัดการทางเลือกดังกล่าว